หลังจากวันไหว้พระจันทร์ประมาณ 15 วัน ก็จะถึงเทศกาลกินเจ วันนี้เลยขอนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับเทศกาลกินเจมาให้อ่านกันอีกครั้งค่ะ
เทศกาลกินเจ
สัญลักษณ์ที่เรามักพบเห็นกันในเทศกาลนี้ ตามร้านอาหารหรือแผงลอย คือ ธงสีเหลืองที่มีตัวอักษรภาษาไทยหรือภาษาจีนสีแดง ว่า "เจ" เพื่อแสดงให้รู้ว่า ร้านนี้ขายอาหารเจค่ะ
หลักธรรมในการกินเจ
ที่มาของเทศกาลกินเจ มีหลากหลายตำนาน แต่เนื้อแท้ของการกินเจนี้ เชื่อว่ากินเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ด้วยหลักธรรม 2 ประการ คือ
1. กินอย่างไม่เบียดเบียนผู้อื่น คือ ไม่เอาเลือดเอาเนื้อ ของสัตว์ใด ๆ มารับประทาน
2. กินอย่างไม่เบียดเบียนตนเอง คือ การเลือกกินอาหารที่ไม่เป็นโทษ ต่อร่างกายของเรา
จุดประสงค์ของการกินเจ
ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. กินเพื่อสุขภาพ
อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิตระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
2. กินด้วยจิตเมตตา
เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรม และมีจิตสำนึกอันดีงาม ย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ และที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตาย เช่นเดียวกับคนเรา
3. กินเพื่อเว้นกรรม
ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่า การกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่า การซื้อจากผู้อื่น ก็เหมือนกับการจ้างฆ่า เพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้า ทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลง เป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ
เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้ จึงหยุดกินหยุดฆ่า หันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
เจกับมังสวิรัติ
อาหารมังสวิรัติ คือ อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ เช่นเดียวกับอาหารเจ แต่การกินมังสวิรัตินั้น สามารถนำผักทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ ซึ่งต่างจากการกินเจ ที่ต้องงดเว้นผักฉุน 5 ประเภท รวมทั้งของเสพติดทุกชนิด และยังคงต้องประพฤติศีลร่วมด้วย จึงจะเป็นการถือศีลกินเจที่แท้จริง ในขณะที่การกินมังสวิรัติ หมายถึง การไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น
ในช่วงเทศกาลกินเจ จะมีอาหารหลากหลายชนิด ทั้งที่เป็นอาหารเจจริง ๆ และอาหารเจที่ทำเลียนแบบพวกเนื้อสัตว์ บางอย่างทำเหมือนจนคิดว่าเป็นเนื้อสัตว์จริง ๆ มีหลายคนคิดว่า การรับประทานอาหารเจจะทำให้เกิดโรคขาดอาหารและทำให้อ้วน แต่ทั้งนี้ หากคนที่กินเจเลือกกินอาหารอย่างถูกหลักแล้ว ก็จะได้รับสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
การ กินเจ หรือประกอบอาหารเจเพื่อรับประทานในช่วงนี้ เราสามารถเลือกอาหารพวกข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทนเนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง มาทดแทนได้
ใครที่ว่ากินเจแล้วอ้วน ก็ให้เลือกกินพวกผักต่าง ๆ แทนพวกแป้งกันค่ะ
ข้อห้ามและการปฏิบัติตนในช่วงกินเจ
ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติอยู่หลายข้อ ซึ่งเชื่อกันว่า ถ้าปฏิบัติได้ครบทุกข้อ จึงจะเข้าถึงการกินเจที่ถูกต้อง และได้บุญอย่างแท้จริง
1. งดกินผักฉุน หรือผักที่มีกลิ่นแรง
ประกอบไปด้วยพืชผัก 5 ชนิดที่เชื่อว่าเป็นโทษต่อร่างกาย เพราะผักเหล่านี้มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง วิชาแพทย์โบราณจีนเชื่อว่าจะเป็นพิษต่ออวัยวะสำคัญ 5 ชนิด และ ธาตุทั้ง 5 ของร่างกาย สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไม่ควร รับประทาน เพราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์กระตุ้นจิตใจและอารมณ์ให้เร่าร้อน ใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในร่างกายรวมตัวไม่ติด จิตใจจะไม่บริสุทธิ์ ได้แก่
พืชผัก ๕ ชนิด
|
อวัยวะหลักภายในทั้ง ๕
|
เบญจธาตุ (ธาตุสำคัญ ๕)
|
๑. กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม)
๒. หัวหอม (ต้นหอม, ใบหอม, หอมแดง,หอมขาว,หอมหัวใหญ่)
๓. หลักเกียว (คล้ายกระเทียม แต่ต้นเล็กกว่า)
๔. กุยช่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า)
๕. ใบยาสูบ (บุหรี่,ยาเส้น,ของเสพติดมึนเมา)
|
ทำลายการทำงานของ หัวใจ
ทำลายการทำงานของ ไต
ทำลายการทำงานของ ม้าม
ทำลายการทำงานของ ตับ
ทำลายการทำงานของ ปอด
|
กระทบกระเทือนต่อ ธาตุไฟ ในกาย
กระทบกระเทือนต่อ ธาตุน้ำ ในกาย
กระทบกระเทือนต่อ ธาตุดินในกาย
กระทบกระเทือนต่อ ธาตุไม้ ในกาย
กระทบกระเทือนต่อ ธาตุโลหะ ในกาย
|
พืชผักและผลไม้ เป็นของคู่กันเสมอ นอกจากผักสดหรือผักที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้ว ผลไม้สด ๆ จำเป็นต้องรับประทานหลังอาหารทุก ๆ มื้ออย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเมล็ดธัญพืช ได้แก่ ถั่ว, ถั่วเปลือกแข็งทุกประเภท, พืชที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก, มัน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะถั่ว มีสารอาหารครบทุกหมู่ (ได้แก่ คาร์โบไฮเดรท คือแป้งและน้ำตาล, โปรตีน, ไขมัน , วิตามิน, เกลือแร่หลายชนิด) การเลือกซื้อเพื่อนำมาปรุงและการบริโภคในแต่ละวัน ควรจัดให้ได้ครบตามสีของธาตุทั้ง ๕ เพื่อบำรุงส่งเสริมให้อวัยวะหลักภายในทั้ง ๕ แข็งแรงทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
ตารางผัก, ผลไม้ แบ่งตามสีทั้ง ๕
หมู่สี
|
ธาตุ
|
ผัก
|
ถั่ว
|
ผลไม้
|
สีแดง (แดงส้ม, แสด, ชมพู)
สีดำ (น้ำเงิน, ม่วง)
สีเหลือง (เหลืองแก่, เหลืองอ่อน)
สีเขียว (เขียวเข้ม, เขียวอ่อน)
สีขาว (ขาวนวล , ขาวสะอาด)
|
ไฟ
น้ำ
ดิน
ไม้
โลหะ |
มะเขือเทศ, พริกสุก, หัวแครอท ฯลฯ
มะเขือม่วง, เผือก, เห็ดหูหนู ฯลฯ
ฟักทอง, ข้าวโพด, พริกเหลือง ฯลฯ
ผักคะน้า, ถั่วฝักยาว, ผักบุ้ง ฯลฯ
หัวผักกาดขาว, ผักกาดขาว, กะหล่ำดอก ฯลฯ
|
ถั่วแดง (บำรุงหัวใจ)
ถั่วดำ (บำรุงไต)
ถั่วเหลือง (บำรุงม้าม)
ถั่วเขียว (บำรุงตับ)
ถั่วขาว (บำรุงปอด)
|
มะละกอ, ส้ม, แตงโม ฯลฯ
ละมุด, ลูกหว้า, องุ่น ฯลฯ
มะม่วง, กล้วย, ทุเรียน ฯลฯ
ฝรั่ง, ชมพู่, มะเฟือง ฯลฯ
มะพร้าว, น้อยหน่า ฯลฯ
|
ผักผลไม้ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง หาได้ยาก เช่น พืชผักผลไม้เมืองหนาว ควรยึดหลักราคาถูกประหยัด แต่มีคุณประโยชน์สูงจึงจะได้ชื่อว่า รู้จักฉลาดใช้ ฉลาดกิน ประหยัดยอด ประโยชน์เยี่ยม
สำหรับถั่วทั้ง ๕ สีนี้ ราคาไม่แพง มีอยู่แพร่หลาย บางทีก็ทำเป็นของหวานต่าง ๆ เช่น ถั่วดำบวช, ถั่วแดงต้มน้ำตาล, ถั่วเหลืองน้ำกะทิ (เต้าส่วน), ถั่วเขียวต้มน้ำตาล, ถั่วลิสงอบหรือเคลือบน้ำตาล เป็นต้น
นอกจากนี้ คนที่กินเจควรใช้งาปรุงผสมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงาขาว หรืองาดำ เพราะในเมล็ดงามีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย งาที่บดแล้วจะมีกลิ่นหอมนำมาใช้ปรุงอาหารขนมได้ทุกประเภท ทำให้มีรสดีหอมน่ารับประทาน โดยรับประทานงาในปริมาณวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ก็นับว่าเพียงพอ
2. งดกินเนื้อสัตว์
ประกอบไปด้วย เนื้อวัว หมู ปลา หรือสัตว์มีชีวิตที่ใช้เป็นอาหารได้ โดยมีการค้นพบของคนจีนโบราณบางสายว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่า มีพิษร้ายแรงแฝงอยู่ ด้วยความเชื่อที่ว่า ในขณะสัตว์ถูกฆ่าตาย ความตกใจกลัวจะทำให้มันหลั่ง สารพิษออกมาแพร่กระจายไปตามสายเลือดและเนื้อทั่วร่างกาย ตลอดปีที่เรากินเนื้อจึงเป็นการสั่งสมพิษไว้ จึงควรมีการสลายล้างพิษนี้ด้วยการงดเนื้อสัตว์ช่วงระยะเวลาหนึ่งเป็นประจำ ทุกปี
3. งดกินอาหารรสจัด
รสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก หรือเปรี้ยวมาก ซึ่งปกติคนจีนจะไม่กินรสจัดอยู่แล้ว เพราะถือว่าจะเข้าไปทำลายสุขภาพ ส่งผลไปถึงอวัยวะหลัก ดังนี้
รส
|
ส่งผลต่ออวัยวะหลักภายใน
|
ขม
เค็ม
หวาน
เปรี้ยว
เผ็ด
|
หัวใจ
ไต
ม้าม
ตับ
ปอด
|
4. กินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุง
ข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จะถือว่าบริสุทธิ์จริง ๆ สำหรับผู้ที่เคร่งครัด แต่ถ้าทำให้เกิดความยากลำบากก็ไม่จำเป็น
5. ใช้ถ้วยชามเฉพาะสำหรับอาหารเจ
สำหรับผู้ที่เคร่งครัด ถ้วยชามที่ใช้กับอาหารคาว ซึ่งชาวจีนเรียกว่า "ชอ" นั้น จะนำมาใช้กับอาหารเจไม่ได้ ถือเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของคนจีน จะถือว่าล้างสะอาดหมดจดแล้ว ไม่จำเป็นต้องแยก ก็ไม่ถูกต้อง
6. รักษาศีลห้า ทำบุญทำทาน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ข้อนี้ตรงกับการรักษาศีลของชาวพุทธ การฆ่าสัตว์ของชาวจีน ตั้งแต่สัตว์เล็ก ๆ ไป จนถึงสัตว์ใหญ่ เป็นข้อเคร่งครัดเช่นกัน
7. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ พูดจาไพเราะ
คนที่ถือศีลกินเจ ไม่ใช่เพียงแต่กินของสะอาดเท่านั้น แต่คำพูดที่พูดออกจากปากก็ต้องสะอาดด้วย สิ่งไม่ดีทั้งหลายไม่ควรพูดหรือที่เรียกว่า "ปากเจ" ซึ่งประกอบไปด้วย ไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุแหย่ ไม่พูด เพ้อเจ้อ ถ้าปฏิบัติได้ก็ถือว่าสะอาดทั้งหมด
8. นุ่งขาวห่มขาว
ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนก็ใส่ชุดสีขาวตลอดจนถึงออกเจ เพราะเชื่อกันว่า นอกจากงดอาหารต่าง ๆ ในร่างกายสะอาดแล้ว ภายนอกแม้จะเป็นเครื่องแต่งกายก็ต้องสะอาดด้วย ข้อนี้ไม่เข้มงวดสำหรับบุคคลที่ปฏิบัติอยู่กับบ้าน ไม่ได้ไปที่แจตั๊วหรือสถานที่ทำพิธีกินเจ
9. งดดื่มสุราและของมึนเมา
ตลอดช่วงเวลา 9 วัน ข้อนี้สำคัญ เพราะการงดอาหารที่เป็นของคาวแล้ว สิ่งที่สร้างความมึนเมาหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ก็ห้ามเข้าสู่ร่างกายด้วย
10. ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง
คนที่จะไปกินเจมักจะไปชุมนุมกันที่แจตั๊วหรือสถานที่กินเจ ซึ่ง ณ ที่นั้น เขาจะประดับดอกไม้ตั้งโต๊ะบูชา วางกระถางธูปและตั้งเครื่องเจต่าง ๆ นอกจากนี้ ก็จุดโคม 9 ดวง เพื่อสมมติเป็น "เก๊าฮ้วงฮุดโจ้ว" นั่นเอง ซึ่งจะต้องจุดไว้ทั้งกลางวันและกลางคืนจนตลอดงาน เพื่อเป็นพุทธบูชาและรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด ถ้าดับโคมไฟดวงใดดวงหนึ่ง ก็จะถือว่าไม่เป็นสิริมงคล และไม่ครบถ้วนพิธีการกินเจ
*** ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อห้ามในการกินเจ ใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ ***
"อย่างไรก็ดี การกินเจนั้นจะต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ ด้วย จึงจะเป็นการกินเจที่ถูกต้องและสมบูรณ์"