2766 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากวันไหว้พระจันทร์ประมาณ 15 วัน ก็จะถึงเทศกาลกินเจ วันนี้เลยขอนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับเทศกาลกินเจมาให้อ่านกันอีกครั้งค่ะ
ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. กินเพื่อสุขภาพ
อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิตระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
2. กินด้วยจิตเมตตา
เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรม และมีจิตสำนึกอันดีงาม ย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ และที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตาย เช่นเดียวกับคนเรา
3. กินเพื่อเว้นกรรม
ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่า การกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่า การซื้อจากผู้อื่น ก็เหมือนกับการจ้างฆ่า เพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้า ทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลง เป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ
เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้ จึงหยุดกินหยุดฆ่า หันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
อาหารมังสวิรัติ คือ อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ เช่นเดียวกับอาหารเจ แต่การกินมังสวิรัตินั้น สามารถนำผักทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ ซึ่งต่างจากการกินเจ ที่ต้องงดเว้นผักฉุน 5 ประเภท รวมทั้งของเสพติดทุกชนิด และยังคงต้องประพฤติศีลร่วมด้วย จึงจะเป็นการถือศีลกินเจที่แท้จริง ในขณะที่การกินมังสวิรัติ หมายถึง การไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น
ในช่วงเทศกาลกินเจ จะมีอาหารหลากหลายชนิด ทั้งที่เป็นอาหารเจจริง ๆ และอาหารเจที่ทำเลียนแบบพวกเนื้อสัตว์ บางอย่างทำเหมือนจนคิดว่าเป็นเนื้อสัตว์จริง ๆ มีหลายคนคิดว่า การรับประทานอาหารเจจะทำให้เกิดโรคขาดอาหารและทำให้อ้วน แต่ทั้งนี้ หากคนที่กินเจเลือกกินอาหารอย่างถูกหลักแล้ว ก็จะได้รับสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
การ กินเจ หรือประกอบอาหารเจเพื่อรับประทานในช่วงนี้ เราสามารถเลือกอาหารพวกข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทนเนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง มาทดแทนได้
ใครที่ว่ากินเจแล้วอ้วน ก็ให้เลือกกินพวกผักต่าง ๆ แทนพวกแป้งกันค่ะ
ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติอยู่หลายข้อ ซึ่งเชื่อกันว่า ถ้าปฏิบัติได้ครบทุกข้อ จึงจะเข้าถึงการกินเจที่ถูกต้อง และได้บุญอย่างแท้จริง
1. งดกินผักฉุน หรือผักที่มีกลิ่นแรง
ประกอบไปด้วยพืชผัก 5 ชนิดที่เชื่อว่าเป็นโทษต่อร่างกาย เพราะผักเหล่านี้มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง วิชาแพทย์โบราณจีนเชื่อว่าจะเป็นพิษต่ออวัยวะสำคัญ 5 ชนิด และ ธาตุทั้ง 5 ของร่างกาย สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไม่ควร รับประทาน เพราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์กระตุ้นจิตใจและอารมณ์ให้เร่าร้อน ใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในร่างกายรวมตัวไม่ติด จิตใจจะไม่บริสุทธิ์ ได้แก่
พืชผัก ๕ ชนิด |
อวัยวะหลักภายในทั้ง ๕ |
เบญจธาตุ (ธาตุสำคัญ ๕) |
๑. กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม) |
ทำลายการทำงานของ หัวใจ |
กระทบกระเทือนต่อ ธาตุไฟ ในกาย |
พืชผักและผลไม้ เป็นของคู่กันเสมอ นอกจากผักสดหรือผักที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้ว ผลไม้สด ๆ จำเป็นต้องรับประทานหลังอาหารทุก ๆ มื้ออย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเมล็ดธัญพืช ได้แก่ ถั่ว, ถั่วเปลือกแข็งทุกประเภท, พืชที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก, มัน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะถั่ว มีสารอาหารครบทุกหมู่ (ได้แก่ คาร์โบไฮเดรท คือแป้งและน้ำตาล, โปรตีน, ไขมัน , วิตามิน, เกลือแร่หลายชนิด) การเลือกซื้อเพื่อนำมาปรุงและการบริโภคในแต่ละวัน ควรจัดให้ได้ครบตามสีของธาตุทั้ง ๕ เพื่อบำรุงส่งเสริมให้อวัยวะหลักภายในทั้ง ๕ แข็งแรงทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
ตารางผัก, ผลไม้ แบ่งตามสีทั้ง ๕
หมู่สี |
ธาตุ |
ผัก |
ถั่ว |
ผลไม้ |
สีแดง (แดงส้ม, แสด, ชมพู) |
ไฟ น้ำ ดิน ไม้ โลหะ |
มะเขือเทศ, พริกสุก, หัวแครอท ฯลฯ |
ถั่วแดง (บำรุงหัวใจ) |
มะละกอ, ส้ม, แตงโม ฯลฯ |
รส |
ส่งผลต่ออวัยวะหลักภายใน |
ขม |
หัวใจ |